Breadcrumb

  1. Home
  2. ข้อมูลภาษาไทย
  3. การใช้ Codeine Oxycodone และ Opioids ชนิดอื่น : ข้อมูลสำหรับพนักงาน

การใช้ Codeine Oxycodone และ Opioids ชนิดอื่น : ข้อมูลสำหรับพนักงาน

หากคุณใช้ยา opioids ติดยา opioids  หรือ เคยติดยา opioids มาก่อน  แต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้ยาเสพติดอย่างผิดกฎหมาย  คุณควรทราบว่าภายใต้กฎหมายว่าด้วยคนพิการแห่งอเมริกา (ADA)  คุณอาจมีสิทธิได้รับการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผล  และการคุ้มครองอื่นๆ  ที่สามารถช่วยให้คุณรักษางานของคุณไว้ได้ [1]

“Opioids” ได้แก่ ยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ เช่น codeine morphine oxycodone (OxyContin®, Percodan®, Percocet®) hydrocodone (Vicodin®, Lortab®, Lorcet®) และ meperidine (Demerol®) รวมถึงยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย เช่น heroin  ยาเหล่านี้ยังรวมถึง buprenorphine (Suboxone® หรือ Subutex®) และ methadone  ซึ่งสามารถกำหนดให้ใช้ในการรักษาการติดยา opioids ในโครงการ  Medication Assisted Treatment (“MAT”)

คำถามและคำตอบต่อไปนี้มาจากคณะกรรมการการจ้างงานที่เท่าเทียม (EEOC)  อธิบายสิทธิเหล่านี้โดยย่อ  ข้อมูลนี้ไม่ใช่นโยบายใหม่  แต่เอกสารนี้ใช้หลักการที่กำหนดไว้แล้ว ในบทบัญญัติตามกฎหมายและข้อบังคับของ ADA  รวมถึงแนวทางที่ออกมาก่อนหน้านี้   เนื้อหาของแนวทางนี้ไม่มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย  และไม่มีจุดมุ่งหมายเพื่อผูกมัดประชาชนในทางใดทางหนึ่ง แนวทางนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนเข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับข้อกำหนดที่มีอยู่ภายใต้กฎหมายเท่านั้น  คุณอาจมีสิทธิเพิ่มเติมภายใต้กฎหมายอื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ เช่น กฎหมายว่าด้วยการลาเพื่อครอบครัวและการแพทย์ (FMLA) และกฎหมายของรัฐหรือท้องถิ่น [2]

การถูกตัดสิทธิ์จากงาน

1. ข้าพเจ้าจะถูกตัดสิทธิ์จากงานโดยอัตโนมัติ เนื่องจากข้าพเจ้าใช้ opioids หรือเนื่องจากข้าพเจ้าเคยใช้ opioids ในอดีตหรือไม่?

ADA อนุญาตให้ผู้จ้างงานไล่ท่านออก  และดำเนินการอื่นๆ เกี่ยวกับการจ้างงานท่าน โดยอิงจากการใช้ยา opioids อย่างผิดกฎหมาย  แม้ว่าท่านจะไม่มีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพการทำงานหรือความปลอดภัยก็ตาม [3] นอกจากนี้ ผู้จ้างงานยังสามารถตัดสิทธิ์ท่าน หากกฎหมายของรัฐบาลกลางฉบับอื่นกำหนดให้ต้องทำเช่นนั้น [4]

แต่หากท่านไม่ได้ถูกเพิกถอนสิทธิ์ตามกฎหมายของรัฐบาลกลางและการใช้ยา opioids ของท่านเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย นายจ้างไม่สามารถเพิกถอนสิทธิ์ของท่านโดยอัตโนมัติ เพราะการใช้ยา opioids ได้ โดยไม่พิจารณาว่ามีวิธีใดที่จะทำให้ท่าบทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพหรือไม่ (ดูคำถามที่ 4–13).[5]

2. จะเกิดอะไรขึ้นหากข้าพเจ้าอยู่ในโครงการ MAT สำหรับการติดยา opioids ซึ่งจำเป็นต้องให้ข้าพเจ้าทานยา opioids?

หากท่านรับประทานยา opioids ตามคำแนะนำในโปรแกรม MAT แสดงว่าท่านมีใบสั่งยาที่ถูกต้อง และการใช้ยาของท่านก็ถือว่าถูกกฎหมาย อภายใต้ ADA  ท่านจะไม่อาจถูกปฏิเสธงานหรือถูกให้ออกจากงาน เพราะท่านอยู่ในโปรแกรม MAT  เว้นแต่ว่าท่านจะทำงานนั้นไม่ได้อย่างปลอดภัยและไม่มีประสิทธิภาพ หรือท่านจะไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมายของรัฐบาลกลางฉบับอื่น

3. จะเกิดอะไรขึ้นหากผลการทดสอบยาออกมาเป็นบวกเนื่องจากฉันใช้ยา opioids อย่างถูกกฎหมาย?

นายจ้างควรให้โอกาสผู้เข้ารับการทดสอบยาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาอย่างถูกกฎหมาย  ซึ่งอาจทำให้ผลการทดสอบยาบ่งชี้ว่าใช้ยา opioids นายจ้างอาจทำเช่นนี้โดยขอคำอธิบายจากผู้ที่ตรวจพบสารเสพติดทุกคน

สมรรถนะและความปลอดภัย

4. จะเกิดอะไรขึ้นหากนายจ้างของข้าพเจ้าคิดว่าการใช้ยา opioids  ประวัติการใช้ยา opioids  หรือการบำบัดการติดยา opioids  ของข้าพเจ้าอาจขัดขวางประสิทธิภาพการทำงานที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ?

หากท่านไม่ได้ใช้ยา opioids อย่างผิดกฎหมาย และไม่ถูกตัดสิทธิ์จากงานตามกฎหมายของรัฐบาลกลาง  นายจ้างอาจต้องให้การอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลแก่ท่านก่อนที่จะให้ท่านออก หรือปฏิเสธใบสมัครงานของท่านเนื่องจากการใช้ opioids  หากนายจ้างแจ้งให้ท่านทราบถึงความกังวลของตนแล้ว  ท่านต้องขอการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลหากท่านต้องการ (ดู คำถามที่ 9 ด้านล่าง)

การอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผล คือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในวิธีการทำงานตามปกติ เช่น การเปลี่ยนเวลาพักหรือตารางการทำงาน (เช่น การจัดตารางงานใหม่โดยคำนึงถึงการรักษา) การเปลี่ยนแปลงการมอบหมายงานในผลัดเวลา หรือการโอนย้ายชั่วคราวไปยังตำแหน่งอื่น ตัวอย่างเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ลูกจ้างอาจขอและนายจ้างอาจเสนอแนะให้มีการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม นายจ้างไม่จำเป็นต้องลดมาตรฐานการผลิตหรือประสิทธิภาพการทำงาน ยกเลิกหน้าที่การทำงานที่จำเป็น (หน้าที่พื้นฐาน) ของงาน จ่ายค่าแรงที่ไม่ได้ดำเนินการ หรือยกเว้นการใช้ยาผิดกฎหมายในการทำงาน เป็นการปรับเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล [6] 

5. ข้าพเจ้าจะได้รับการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลได้หรือไม่ เนื่องจากข้าพเจ้าต้องทานยา opioids เพื่อแก้ปวดตามใบสั่งแพทย์?

ท่านอาจได้รับการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลได้ หากอาการป่วยที่ทำให้เกิดอาการปวดเข้าข่ายเป็น "ความพิการ" ภายใต้ ADA อาการป่วยไม่จำเป็นต้องเป็นแบบถาวร หรือทำให้ท่านไม่สามารถทำงาน ในการที่จะเป็น "ความพิการ" ของ ADA ได้ [7] อาการป่วยหลายอย่างที่ทำให้เกิดอาการปวดรุนแรงจนแพทย์ต้องสั่งจ่ายยา opioids จะเข้าข่ายนี้

ท่านอาจมีสิทธิได้รับการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผล หากยา opioids ที่ท่านรับประทานอยู่รบกวนการทำงานในชีวิตประจำวันของท่าน

เป็นความรับผิดชอบของท่านในการขอการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลหากท่านต้องการ (ดูคำถามที่ 9 ด้านล่าง)

6. ข้าพเจ้าสามารถได้รับการอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมได้หรือไม่เนื่องจากติดยา opioids?

ได้ การติดยา opioids (บางครั้งเรียกว่า "โรคติดยา opioids" หรือ "OUD") เป็นอาการทางการแพทย์ที่สามารถวินิจฉัยได้ ซึ่งอาจเป็นความพิการตาม ADA ท่านอาจได้รับการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลสำหรับอาการ OUD แต่ผู้ว่าจ้างอาจปฏิเสธการปรับเปลี่ยนให้ท่านได้ หากท่านใช้ opioids อย่างผิดกฎหมาย แม้ว่าท่านจะมีอาการ OUD ก็ตาม

7. จะเกิดอะไรขึ้นหากข้าพเจ้าหายจากการติดยา opioids แล้ว แต่ยังต้องการการอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมเพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการกลับมาเป็นซ้ำอีก?

ท่านสามารถรับการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลที่ท่านต้องการ เนื่องจากความพิการที่ท่านเคยมีในอดีต [8] ท่านอาจขอแก้ไขตารางเวลาได้ เช่น หากท่านจำเป็นต้องเข้าร่วมการประชุมกลุ่มสนับสนุนหรือภาคการบำบัดที่จะช่วยให้ท่านหลีกเลี่ยงการกลับเป็นซ้ำ  

8. ข้าพเจ้าจะได้รับการอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมสำหรับอาการป่วยที่เกี่ยวข้องกับการติดยา opioids ได้หรือไม่?

ได้ หากอาการดังกล่าวเป็นความพิการ อาการป่วยที่มักเกี่ยวข้องกับการติดยา opioids เช่น โรคซึมเศร้า และโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (PTSD) อาจเป็นความพิการได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการป่วยทางจิตและ ADA โปรดดู Depression, PTSD, & Other Mental Health Conditions in The Workplace: Your Legal  Rights ที่  https://www.eeoc.gov/laws/guidance/depression-ptsd-other-mental-health-conditions-workplace-your-legal-rights และ The Mental Health Provider’s Role in a Client’s Request for a Reasonable Accommodation at Work ที่ https://www.eeoc.gov/laws/guidance/mental-health-providers-role-clients-request-reasonable-accommodation-work.

9. ข้าพเจ้าควรทำอย่างไรหากต้องการการอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม?

ทำการร้องขอ  โดยแจ้งหัวหน้างาน ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ว่าท่านต้องการการเปลี่ยนแปลงที่ทำงานเนื่องจากมีอาการป่วย ตรวจสอบว่านายจ้างของท่านมีขั้นตอนในการขอการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลหรือไม่ การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้อาจทำให้กระบวนการดำเนินไปเร็วขึ้น แม้ว่านายจ้างจะไม่สามารถปฏิเสธการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลแก่ท่านได้เพียงเพราะท่านไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนเฉพาะก็ตาม

ท่านสามารถร้องขอได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องมีการอำนวยความสะดวกอย่างที่คาดหวังไว้ในใจ แต่ท่านสามารถขอการอำนวยความสะดวกแบบเจาะจงได้ หากท่านรู้ว่าต้องการการอำนวยความสะดวกแบบไหน นอกจากนี้ ท่านยังสามารถขอให้คนอื่นขอการอำนวยความสะดวกแทนท่านได้ เช่น แพทย์หรือที่ปรึกษา แม้ว่านายจ้างของท่านอาจต้องการหารือเรื่องการอำนวยความสะดวกกับท่านโดยตรงโดยเร็วที่สุดก็ตาม

เนื่องจากนายจ้างไม่จำเป็นต้องยกโทษให้กับผลงานการทำงานที่ไม่ดี แม้ว่าจะเกิดจากอาการป่วยหรือการรักษาอาการป่วยก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว ควรที่จะขอการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลก่อนที่จะเกิดปัญหาหรือแย่ลง (อย่างไรก็ตาม หลายคนเลือกที่จะรอหลังจากได้รับข้อเสนองาน เนื่องจากอาจเป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์การเลือกปฏิบัติที่ผิดกฎหมายซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่จะได้รับข้อเสนองาน)

10. จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ข้าพเจ้าขอรับการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผล?

นายจ้างของท่านอาจขอให้ท่านส่งคำขอเป็นลายลักษณ์อักษรหรือกรอกแบบฟอร์ม และอธิบายโดยทั่วไปว่างานของท่านได้รับผลกระทบจากความพิการอย่างไร นายจ้างของท่านอาจขอให้ท่านส่งจดหมายจากผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพที่ระบุความพิการตาม ADA ของท่าน (ดู คำถาม 6–9 ข้างต้น) และอธิบายว่าเหตุใดท่านจึงต้องการการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลเนื่องจากเหตุนี้ ท่านสามารถช่วยผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของท่านได้ โดยแสดงสำเนาสิ่งพิมพ์ของ EEOC เรื่อง How to Help Current and Former Patients Who Have Used Opioids Stay Employed ที่ https://www.eeoc.gov/laws/guidance/how-health-care-providers-can-help-current-and-former-patients-who-have-used-opioids.

นายจ้างของท่านไม่สามารถให้ท่านออกจากงาน หรือปฏิเสธที่จะจ้างหรือเลื่อนตำแหน่งท่านได้ เพียงเพราะท่านขอการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผล หรือเพราะท่านมีความต้องการ [9]

11. หากข้าพเจ้าต้องการการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลเนื่องจากความพิการตาม ADA นายจ้างจะต้องอำนวยความสะดวกนั้นให้ข้าพเจ้าหรือไม่?

หากการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลจะช่วยให้ท่านทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และไม่ก่อให้เกิดความยากลำบากหรือค่าใช้จ่ายจำนวนมาก นายจ้างจะต้องจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าวให้กับท่าน [10] หากสามารถจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกได้มากกว่าหนึ่งอย่าง นายจ้างสามารถเลือกว่าจะจัดหาการอำนวยความสะดวกใดให้กับท่านก็ได้ นายจ้างไม่มีสิทธิเรียกเก็บค่าบริการสิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าวจากท่าน

12. จะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย (โดยมีการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผล หากจำเป็น) แต่นายจ้างไม่เห็นด้วย?

โดยถือว่าท่านไม่ได้ถูกห้ามโดยกฎหมายของรัฐบาลกลางหรือใช้ยา opioids อย่างผิดกฎหมาย นายจ้างจะต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าท่านทำงานนั้นไม่ได้หรือมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยอย่างมาก แม้จะมีการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลก็ตาม หากต้องการให้ท่านออกจากงานด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย หลักฐานจะต้องแสดงให้เห็นว่าท่านมีความเสี่ยงต่ออันตรายร้ายแรงอย่างมาก — ท่านไม่สามารถถูกให้ออกเพราะความเสี่ยงที่ห่างไกลหรือคาดเดาได้ [11]  เพื่อให้แน่ใจว่ามีหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านทำได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ นายจ้างอาจขอให้ท่านเข้ารับการประเมินทางการแพทย์ [12]

13. จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเวลานี้ข้าพเจ้าไม่สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยหรือเชื่อถือได้  แต่ข้าพเจ้าอาจจะสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยอีกครั้งในอนาคต?

นายจ้างของท่านอาจยังคงต้องรักษาตำแหน่งงานของท่านไว้ ในขณะที่ท่านลางาน เพื่อเข้ารับการรักษาหรือฟื้นฟูร่างกาย หากท่านจำเป็นต้องลางานเพราะความทุพพลภาพตาม ADA (ดู คำถามที่ 6–9) ท่านควรได้รับอนุญาตให้ลาป่วยและใช้วันลาที่สะสมไว้ได้เช่นเดียวกับคนอื่นๆ เว้นแต่ว่าท่านจะใช้ยา opioids อย่างผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ท่านควรตรวจสอบนโยบายการลางานของนายจ้าง เพื่อดูว่ามีการให้ลางานเพื่อการบำบัดการติดสารเสพติดหรือไม่

แม้ว่าท่านจะไม่มีวันหยุดที่นายจ้างจัดให้ แต่ท่านก็ยังสามารถรับวันลางานโดยไม่ได้รับค่าจ้างได้ หากท่านได้ทำงานมาแล้วอย่างน้อย 1,250 ชั่วโมง ในช่วงระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา และนายจ้างของท่านมีพนักงาน 50 คนขึ้นไป ท่านอาจมีสิทธิได้รับวันลางานโดยไม่ได้รับค่าจ้างภายใต้กฎหมาย FMLA กฎหมาย FMLA บังคับใช้โดยกระทรวงแรงงานของสหรัฐอเมริกา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายนี้ได้ที่ www.dol.gov/whd/fmla นอกจากนี้ ท่านอาจมีสิทธิได้รับวันลาโดยไม่ได้รับค่าจ้างซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผล หากท่านต้องการลา เพราะความทุพพลภาพ ไม่ได้ใช้ยาอย่างผิดกฎหมาย และคาดว่าจะสามารถกลับมาทำงานได้อีกครั้ง

หากท่านไม่สามารถทำงานประจำได้อย่างถาวร ท่านสามารถขอให้นายจ้างของท่านมอบหมายงานใหม่ให้กับท่าน ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถทำงานอื่นได้เป็นการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลหากมีโอกาส สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลในการทำงาน รวมถึงการโยกย้ายงาน โปรดดูที่ Reasonable Accommodation and Undue Hardship Under the Americans with Disabilities Act ซึ่งสามารถดูได้ที่ https://www.eeoc.gov/laws/guidance/enforcement-guidance-reasonable-accommodation-and-undue-hardship-under-ada.

ปกป้องสิทธิของคุณ

14. ข้าพเจ้าควรทำอย่างไรหากคิดว่าสิทธิของข้าพเจ้าถูกละเมิด?

คณะกรรมการการจ้างงานที่เท่าเทียม (EEOC) สามารถช่วยท่านตัดสินใจว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป หากท่านตัดสินใจที่จะยื่นฟ้องข้อกล่าวหาการเลือกปฏิบัติต่อ EEOC คณะกรรมการจะดำเนินการสอบสวน เนื่องจากท่านต้องยื่นฟ้อง EEOC ภายใน 180 วันนับจากวันที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมาย เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป (หรือ 300 วัน หากนายจ้างอยู่ภายใต้กฎหมายการเลือกปฏิบัติในการจ้างงานของมลรัฐหรือท้องถิ่นด้วย) จึงควรเริ่มดำเนินการตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นการผิดกฎหมายที่นายจ้างของท่านจะตอบโต้คุณที่ติดต่อ EEOC หรือยื่นฟ้องข้อกล่าวหานั้น

สำหรับข้อมูลทั่วไป กรุณาไปที่เว็บไซต์  the Equal Employment Opportunity’s (EEOC’s)  (https://www.eeoc.gov) หรือโทรไปที่  EEOC ที่หมายเลข 1-800-669-4000 (เสียงพูด) 1-800-669-6820 (TTY) หรือสายการเข้าถึงภาษามือที่หมายเลข 1-844-234-5122 (โทรศัพท์วิดีโอ ASL) 

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยื่นข้อกล่าวหา โปรดไปที่ https://www.eeoc.gov/how-file-charge-employment-discrimination  หากคุณต้องการเริ่มดำเนินการยื่นข้อกล่าวหา โปรดไปที่พอร์ทัลสาธารณะออนไลน์ของเราที่ https://publicportal.eeoc.gov ติดต่อเราที่หมายเลขโทรศัพท์ข้างต้น หรือไปที่สำนักงาน EEOC ในพื้นที่ของคุณ (ดูข้อมูลติดต่อได้ที่ https://www.eeoc.gov/field-office)

 

 

[1] 42 U.S.C. § 12112, et seq.; 29 C.F.R. §§ 1630.1 – 1630.16 แง่มุมต่าง ๆ ของการไม่เลือกปฏิบัติ การอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผล และการคุ้มครองอื่น ๆ ภายใต้หัวข้อ I ของ ADA ได้รับการกล่าวถึงในส่วนต่างๆ ของกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ ดู e.g., 29 C.F.R. § 1630.2(g) –(k) (ความพิการในปัจจุบันและประวัติความพิการในอดีต) และ 1630.9 (การอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผลโดยทั่วไปดูที่ 42 U.S.C. § 12114 (ข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาผิดกฎหมายในปัจจุบัน)

[2] The FMLA, 29 U.S.C. § 2601, et seq., บังคับใช้โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา (DOL) ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ FMLA สามารถดูได้ในข้อบังคับ FMLA ของ DOL ที่ 29 C.F.R. part 825 และบนเว็บไซต์ของ DOL ที่ www.dol.gov

[3] 42 U.S.C. § 12114, 12210; 29 C.F.R. § 1630.3, 1630.16(b) and (c).

[4] 29 C.F.R. § 1630.16(e).

[5] 42 U.S.C. § 12111(3); 29 C.F.R. § 1630.2(r), 1630.15(2).

[6] 42 U.S.C. § 12114(c)(4); 29 C.F.R. § 1630.16(b); see also 1630.2(m) and (n).

[7] 42 U.S.C. § 12102; 29 C.F.R. 1630.2(g)-(k).

[8] 29 C.F.R. § 1630.2(k)(3).

[9] 42 U.S.C § 12203; 29 C.F.R § 1630.12.

[10] 42 U.S.C. § 12112(b)(5); 29 C.F.R. §§ 1630.2(o) และ (p) และ 1630.9 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกที่สมเหตุสมผล โปรดดูเอกสารเผยแพร่ของ EEOC เรื่อง Enforcement Guidance on Reasonable Accommodation and Undue Hardship Under the ADA ได้ที่ https://www.eeoc.gov/laws/guidance/enforcement-guidance-reasonable-accommodation-and-undue-hardship-under-ada.

[11] 42 U.S.C. § 12113(b); 29 C.F.R. § 1630.2(r).

[12] 42 U.S.C. § 12112(d); 29 C.F.R. § 1630.14.